วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์


อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 06.00 – 18.00
แต่เดิมดอยอินทนนท์มีชื่อว่า “ดอยหลวง” หรือ “ดอยอ่างกา” ดอยหลวง หมายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่าดอยอ่างกานั้น มีเรื่องเล่าว่า ห่างจากดอยอินทนนท์ไปทางทิศตะวันตก 300 เมตร มีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งลักษณะเหมือนอ่างน้ำ แต่ก่อนนี้มีฝูงกาไปเล่นน้ำกันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา ต่อมาจึงรวมเรียกว่า ดอยอ่างกา
ดอยอินทนนท์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยซึ่งพาดผ่านจากประเทศ เนปาล ภูฐาน พม่า และมาสิ้นสุดที่นี่ สิ่งที่น่าสนใจของดอยนี้ไม่เพียงแต่เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยความ สูง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางเท่านั้น แต่สภาพภูมิประเทศและสภาพป่าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ป่าสน ป่าเบญจพรรณ และอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมเกือบทั้งวัน และบางครั้งน้ำค้างยังกลายเป็นน้ำค้างแข็ง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนที่นี่อย่างไม่ขาดสาย
การเดินทาง ระยะทางจากตัวเมืองขึ้นไปจนถึงยอดดอยอินทนนท์ประมาณ 106 กิโลเมตร ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ถึงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึงอำเภอจอมทอง 1 กิโลเมตร แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 48 กิโลเมตรถึงยอดดอยอินทนนท์ เป็นถนนลาดยางอย่างดีแต่ทางค่อนข้างสูงชัน รถที่นำขึ้นไปจะต้องมีสภาพดี ผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวสามารถนั่งรถสองแถวสายเชียงใหม่-จอมทองบริเวณประตู เชียงใหม่ จากนั้นขึ้นรถสองแถวที่หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารหรือที่น้ำตกแม่กลาง ซึ่งจะเป็นรถโดยสารประจำทางไปจนถึงที่ทำการอุทยานฯตรงหลักกิโลเมตรที่ 31 และหมู่บ้านใกล้เคียง แต่หากต้องการจะไปยังจุดต่าง ๆ  ต้องเหมาไปคันละประมาณ 800 บาท
ทางอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตั้งอยู่บริเวณ กิโลเมตรที่ 9 ของเส้นทางหมายเลข 1009 มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ และมีนิทรรศการเกี่ยวกับธรรมชาติ สัตว์ป่า และอื่น ๆ
บริเวณที่ทำการมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม สำรองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 1 อาทิตย์ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ โทร. +66 2562 0760 หรือ เว็บไซต์ www.dnp.go.th อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. +66 5335 5728, +66 5331 1608, เว็บไซต์ www.doiinthanon.com
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ
น้ำตกแม่ยะ  เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงามมากแห่งหนึ่ง เพราะน้ำซึ่งไหลลงมาจากหน้าผาที่สูงชัน 280 เมตร ลงมากระทบโขดหินเป็นชั้น ๆ เหมือนม่าน แล้วลงไปรวมกันที่แอ่งน้ำเบื้องล่าง น้ำใสเย็นเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ อีกทั้งบริเวณรอบ ๆ น้ำตกเป็นป่าเขาอันสงบเงียบ และมีศูนย์ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวตั้งอยู่ด้วย บริเวณน้ำตกสะอาดและจัดการพื้นที่ได้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม  การเดินทาง จากทางแยกเข้าทางหลวง  1009 ไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าไป 14 กิโลเมตร และต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 200 เมตร
น้ำตกแม่กลาง  เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ชั้นเดียว สูงประมาณ 100 เมตร ต้นน้ำอยู่บนดอยอินทนนท์ มีน้ำไหลตลอดปี มีความสวยงามตามธรรมชาติ การเดินทาง จากทางแยกเข้าทางหลวง 1009 ไปอีก 8 กิโลเมตร แยกซ้าย 500 เมตร เป็นทางลาดยางตลอด
ถ้ำบริ จินดา  ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 8-9 ของทางหลวงหมายเลข 1009 ใกล้กับน้ำตกแม่กลาง จะเห็นทางแยกขวามือมีป้ายบอกทางไปถ้ำบริจินดา ภายในถ้ำลึกหลายกิโลเมตร เพดานถ้ำมีหินงอกหินย้อย หรือชาวเหนือเรียกว่า “นมผา” สวยงามมาก มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในถ้ำด้วย นอกจากนั้น ยังมีธารหิน เมื่อมีแสงสว่างมากระทบจะเกิดประกายระยิบระยับดังกากเพชรงามยิ่งนัก ลักษณะของถ้ำเป็นถ้ำทะลุสามารถมองเห็นภายในได้ถนัด เพราะมีอุโมงค์ซึ่งแสงสว่างลอดเข้ามา บริเวณปากถ้ำจะมีป้ายขนาดใหญ่ตั้งอยู่ อธิบายประวัติการค้นพบถ้ำนี้
น้ำตกวชิรธาร  เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เดิมชื่อ “ตาดฆ้องโยง”  น้ำจะดิ่งจากผาด้านบนตกลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง  ในช่วงที่มีน้ำมากละอองน้ำจะสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณรู้สึกได้ถึงความเย็นและ ชุ่มชื้น และสะพานไม้ที่ทอดยาวเข้าไปหาหน้าผานั้นจะเปียกลื่นอยู่ตลอดเวลา แต่หากเดินเข้าไปจนสุดจะได้สัมผัสกับความงามของน้ำตกมากที่สุด
การเดิน ทาง  จากเชิงดอยอินทนนท์ขึ้นไปถึงกิโลเมตรที่ 21 จะเห็นป้ายบอกทางแยกขวาเข้าน้ำตก ลงไป 500 เมตร ถนนจะถึงที่ตัวน้ำตก  อีกเส้นทางหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางเดิมอยู่เลยจากทางแยกแรกไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวขวาตามป้ายและเดินจากลานจอดรถลงไปอีก 351 เมตร หากใช้เส้นทางนี้จะได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติรอบด้านตลอดทางเดิน
น้ำตก สิริภูมิ  ไหลมาจากหน้าผาสูงชัน เป็นทางยาวสวยงามมาก สามารถมองเห็นได้จากบริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นสายน้ำตกแฝดไหลลงมาคู่กันแต่เดิมเรียกว่า “เลาลึ” ตามชื่อของหัวหน้าหมู่บ้านม้งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ น้ำตกสิริภูมิตั้งอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 31 ของทางหลวงหมายเลข 1009 มีทางแยกขวามือเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร แต่รถไม่สามารถเข้าไปใกล้ตัวน้ำตกได้ นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าเข้าไปบริเวณด้านล่างของน้ำตก
โครงการ หลวงดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ในบริเวณดอยอินทนนท์ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย สถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์เป็นสถานีวิจัยดอกไม้เมืองหนาวเป็นหลัก พรรณไม้ที่ปลูกมากที่สุดคือเบญจมาศ เพราะมีสีสันสดใส นอกจากนั้นยังมีโครงการวิจัยสตรอว์เบอรรี โครงการศึกษาและรวบรวมพันธุ์เฟินชนิดต่างๆ โครงการวิจัยกาแฟ โครงการวิจัยฝรั่งคั้นน้ำ ไม้ผล เช่น สาลี่ พลับ กีวี ทิบทิมเมล็ดนิ่ม ฯลฯ ไม้ดอก เช่น แกลดิโอลัส กุหลาบ เยอบีรา ฯลฯ ผัก เช่น พริกหวาน มะเขือเทศ เซเลอรี ฯลฯ
ยังมีพืชผักสมุนไพร และไม้ผลขนาดเล็ก ซึ่งจัดจำหน่ายภายใต้ตรา “ดอยคำ” รวมทั้งเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาเทร้าต์สายรุ้ง นอกจากนี้ยังมีประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าสนใจ ได้แก่ การทำนาข้าวขั้นบันไดของเผ่ากะเหรี่ยง ประเพณีกินวอของชาวเผ่าม้งบ้านขุนกลาง และแหล่งท่องเที่ยวเพื่อชมความงามธรรมชาติรอบๆพื้นที่ รวมทั้งกิจกรรมดูนกและชมดาว โครงการหลวงฯ ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านขุนกลาง ตำบลห้วยหลวง เดินทางตามเส้นทางสู่ดอยอินทนนท์ ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 ของทางหลวงหมายเลข 1009 มีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรังเข้าสู่โครงการฯ อีกประมาณ 1 กิโลเมตร โครงการหลวงฯนี้ รับผิดชอบส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้แก่กะเหรี่ยงและม้งในพื้นที่
พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ   ตรงหลักกิโลเมตรที่ 41.5 ทางด้านซ้ายมือ สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อพ.ศ. 2530 และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ  สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อพ.ศ. 2535 พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้ มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือ ฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ ยอดปลีขององค์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปบูชา รอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์ได้อย่างสวยงาม
ยอด ดอยอินทนนท์  จุดสิ้นสุดของทางหลวงหมายเลข 1009 เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,565 เมตร) มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยและเป็นที่ประดิษฐานสถูปเจ้าอิน ทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้ายซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของป่าไม้และหวงแหนดอย หลวงเป็นอย่างมากต้องการที่จะอนุรักษ์ไว้จนชั่วลูกชั่วหลาน ท่านผูกพันกับที่นี่มากจึงสั่งว่าหากสิ้นพระชนม์ไปแล้วให้แบ่งเอาอัฐิส่วน หนึ่งมาไว้ที่นี่
ศูนย์ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยว อยู่บริเวณใกล้กับยอดดอย แสดงนิทรรศการเรื่องราวของดอยอินทนนท์จากอดีตถึงปัจจุบัน ให้ความรู้ทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์  ทางชีววิทยา  ป่าไม้ สิ่งมีชีวิต ซึ่งบางชนิดหาดูได้ที่นี่แห่งเดียวในเมืองไทย ผู้มาเยือนจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย
น้ำตกห้วยทราย เหลือง  เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีน้ำไหลแรงตลอดปี และไหลจากหน้าผาลงมาเป็นชั้น ๆ เข้าทางเดียวกับน้ำตกแม่ปาน ห่างจากที่ว่าการอำเภอแม่แจ่มประมาณ 16 กิโลเมตร  แยกจากทางหลวงหมายเลข 1009   ตรงด่านตรวจกิโลเมตรที่ 38    ไปตามทางหลวงหมายเลข 1192 สายอินทนนท์-แม่แจ่ม ประมาณ 6 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางไปน้ำตก เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นทางดินแดงในช่วงหน้าฝนทางลำบากมากต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ
น้ำตก แม่ปาน เข้าทางเดียวกับน้ำตกห้วยทรายเหลือง แต่อยู่เลยไปอีก 500 เมตร  และจากจุดจอดรถต้องเดินต่อไปอีก 800 เมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงจะถึงตัวน้ำตก น้ำตกแม่ปานนับว่าเป็นน้ำตกที่ยาวที่สุดของเชียงใหม่ก็ว่าได้ น้ำจะตกลงมาจากหน้าผาซึ่งสูงกว่า 100 เมตร เป็นทางยาว ถ้ามองดูแต่ไกลจะเห็นสายน้ำยาวสีขาวตัดกับสีเขียวของต้นไม้ทำให้ดูเด่น น้ำที่ตกลงมายังเบื้องล่างกระทบโขดหินแตกเป็นฟองกระจายไปทั่วบริเวณทำให้มี ความชุ่มชื้น เบื้องล่างมีแอ่งน้ำรองรับอยู่ สามารถพักผ่อนลงอาบเล่นได้
เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน ทางเข้าอยู่กิโลเมตรที่ 42 ด้านซ้ายมือ ระยะทางเดิน 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติแท้จริง ระหว่างทางเดินจะพบป่าดิบเขา (Hill Evergreen) ก่อนผ่านเข้าสู่ทุ่งหญ้าซึ่งเคยเป็นพื้นที่ป่าถูกทำลาย เพื่อเป็นการศึกษาลักษณะการเกิดผลกระทบต่อเนื่องบริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่ ป่าสมบูรณ์กับพื้นที่ถูกทำลาย หลังจากนั้นทางเดินจะเลาะริมผามีไอหมอกปลิวผ่านตลอดเวลา จะพบดอกกุหลาบพันปี หรือ Rhododendron (ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ขึ้นตามป่าในระดับสูง มีพันธุ์ดอกสีขาวและสีแดง เวลาออกดอกช่วงแรกมีลักษณะเหมือนปลีกล้วย ก่อนที่จะบานเต็มต้นในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ พบมากในแถบเทือกเขาหิมาลัยและเป็นไม้ประจำชาติของเนปาลด้วย)  มองลงไปยังเบื้องล่างจะพบทัศนียภาพที่งดงามของอำเภอแม่แจ่ม
การใช้เส้น ทางนี้ต้องลงทะเบียนขอรับใบอนุญาตให้ใช้เส้นทางโดยติดต่อที่ศูนย์ประชา สัมพันธ์อุทยานฯ และควรจัดกลุ่มละไม่เกิน 15 คน ทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปรับประทานในเส้นทางในช่วงฤดูฝน และจะปิดเส้นทางเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวไม่อนุญาติให้เข้าไปท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 ตุลาคม ของทุกปี เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานแห่งนี้  ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 4 ประจำปี พ.ศ. 2545 เพราะมีการจัดการที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ระหว่างทางมีป้ายสื่อความหมายให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว และประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการนำเที่ยว
อ่างกาหลวง เส้นทางนี้สำรวจวางแนวและออกแบบเส้นทางเดินโดย คุณไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ นักสัตววิทยาและอาสาสมัครชาวแคนาดาประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์  ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ทำงานทุ่มเทให้กับอินทนนท์ และได้เสียชีวิตที่นี่ด้วยโรคหัวใจ  เส้นทางนี้มีระยะทาง 1,800 เมตร พื้นที่นี้เป็นหนองน้ำซับในหุบเขา  จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ ป่าดิบเขาระดับสูง  ลักษณะของพรรณไม้เขตอบอุ่นผสมกับเขตร้อนที่พบเฉพาะในระดับสูง การสะสมของอินทรียวัตถุในป่าดิบเขา  ลักษณะอากาศเฉพาะถิ่น  พืชที่อาศัยเกาะติดต้นไม้ ลักษณะของต้นน้ำลำธาร และลักษณะของต้นไม้บนดอยอ่างกา เช่นต้นข้าวตอกฤาษีที่ขึ้นตามพื้นดิน (ข้าวตอกฤาษี เป็นพืชที่ต้องการความอุดมสมบูรณ์สูง จะขึ้นในที่สูงกว่า 2,000  เมตรเท่านั้น และเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มชื้น อากาศเย็น) กุหลาบพันปี เป็นต้น ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ อีกหลายเส้น เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิโลเมตรที่ 38 และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกลุ่มน้ำตกแม่ปาน เป็นต้น แต่ละเส้นใช้เวลาในการเดินต่างกันตั้งแต่ 20 นาที – 7 ชั่วโมง และเหมาะที่จะศึกษาสภาพธรรมชาติที่ต่างกันด้วย ศึกษารายละเอียดเส้นทางได้จากที่ทำการอุทยานฯ และจะต้องติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทางจากที่ทำการฯ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 เพื่อป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การใช้สถานที่เพื่อการพักค้างแรมหรือจัดกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ต้องขออนุญาตจากหัวหน้าอุทยานฯ เป็นลายลักษณ์อักษร
กิจกรรมดูนกบนดอยอินทนนท์ จากการสำรวจพบว่ามีนกอยู่ 380 ชนิด แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้นหากต้องการดูนก นักท่องเที่ยวสามารถชมได้ตั้งแต่ บริเวณด่านตรวจที่ 1 จนถึงยอดดอย โดยมีจุดเด่นดังนี้ บริเวณกม. 13, กม. 20, บริเวณที่ทำการฯ, บริเวณกม.ที่ 34.5, กม.ที่ 37 หรือจี๊ป แทรค กิ่วแม่ปาน กม. 42, บนยอดดอยอินทนนท์ และศูนย์บริการข้อมูลนกอินทนนท์ที่ร้านลุงแดง ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 31 หน่วยจัดการต้นน้ำแม่กลาง ให้บริการด้านข้อมูลนกในดอยอินทนนท์ เช่น สมุดบันทึกการพบนกในดอยอินทนนท์ ภาพวาดลายเส้นของนักดูนก แผนที่เส้นทางดูนกดอยอินทนนท์ ภาพถ่าย สไลด์เกี่ยวกับนก ฯลฯ ให้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ช่วงที่นักดูนกนิยมมาดูนกกันเป็นฤดูหนาว นอกจากจะได้พบนกประจำถิ่นแล้ว ยังสามารถพบนกอพยพ เช่น นกปากซ่อมดง  นกอุ้มบาตร  นกเด้าลมหลังเทา นกเด้าลมหลังเหลือง  นกเด้าลมดง  นกเด้าลมหัวเหลือง  นกจาบปีกอ่อนเล็ก  นกจาบปีกอ่อนหงอน  นกจาบปีกอ่อนสีแดง  นกเดินดงสีน้ำตาลแดง  ฯลฯ ทางศูนย์ฯจะบริการให้คำแนะนำตลอดจนเป็นสถานที่พบปะสนทนาระหว่างนักดูนก  นักศึกษาธรรมชาติและบุคคลทั่วไป  เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ดีต่อการอนุรักษ์และรักษาสภาพธรรมชาติ  ทำให้ทราบถึงแหล่งที่อยู่อาศัย  แหล่งอาหารของนกและสัตว์ป่าในดอยอินทนนท์  ให้คงอยู่ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป
ก่อนการเข้าไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวควรมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ โดยดูได้จากเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช www.dnp.go.th และแนะนำนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเข้าไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติที่มี การกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ ให้ติดต่อสอบถามหรือสำรองการเข้าไปใช้บริการล่วงหน้าก่อนการเดินทางที่ อุทยานแห่งชาติโดยตรงได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ โทร. +66 5326 8550 ตลอด 24 ชั่วโมง และ โทร. +66 5326 8577 ระหว่าง 08.00-17.00 น.




ศูนย์หัตถกรรมบ้านถวาย


ศูนย์หัตถกรรมบ้านถวาย
ศูนย์หัตถกรรมบ้านถวาย เชียงใหม่


"บ้านถวาย เที่ยวหมู่บ้านไม้แกะสลัก"
"หมู่บ้านถวาย" หมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP ต้นแบบของประเทศไทยกับความมีชื่อเสียงด้านงานศิลปหัตถกรรมไม้แกะสลัก และเป็นศูนย์รวมของสินค้าหัตถกรรมทุกแขนงทั่วประเทศ เป็นหมู่บ้านหัตถกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นที่ยอมรับในคุณค่าแห่งงานหัตถศิลป์ และคุณภาพของสินค้า จนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ผลิตภัณฑ์ไม้แกะสลัก หมู่บ้านถวาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ "บ้านถวาย" เป็นแหล่งศิลปะหัตถกรรมชั้นยอดของเมืองเชียงใหม่ ที่สร้างผลงานไม้แกะมากมาย ส่งออกขายทั้งไทยและต่างประเทศ อันเป็นสถานที่ที่นำมา ซึ่งชื่อเสียงของชาวบ้านถวาย และเมื่อกล่าวถึง “งานไม้ งานแกะสลักไม้ หรืองานประดิษฐ์จากไม้” บุคคลทั่วไปทุกคนจะต้องนึกถึง “บ้านถวาย”อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพราะเหตุว่า งานไม้ งานแกะสลักไม้ หรืองานประดิษฐ์จากไม้ ของบ้านถวายนั้น เป็นงานศิลปหัตถกรรมที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงเป็นระยะเวลานาน มีความสวยงาม ประณีต และเป็นงานที่ทำขึ้นด้วยมือ (Hand Made) ผสมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาตลอดระยะเวลา 40 กว่าปีที่ผ่านมา จนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศทั่วโลก และด้วยเหตุผลนี้ ในปี พ.ศ.2547 จากนโยบายหนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบลของรัฐบาล บ้านถวายได้รับเกียรติจากกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็น “หมู่บ้าน OTOP ต้นแบบ” ของประเทศไทย  และได้รับเกียรติจาก สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็น “ หมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP (OTOP Tourism Village)” แห่งแรกของประเทศไทย
นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้านแห่งนี้ จะได้พบกับ การสาธิตในทุกขั้นตอน ได้แก่
  • การผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้
  • การสาธิต ลงรักปิดทอง
  • การแสดงศิลปะพื้นบ้าน
  • การแข่ง "สุดยอดสล่าไม้"
  • ชมขบวนแห่ลูกแก้ว ในพิธีบรรพชาสามเณรหมู่
ศูนย์หัตถกรรมบ้านถวาย และศูนย์หัตถกรรมบ้านถวายสองฝั่งคลอง
ศูนย์หัตถกรรมบ้านถวายสองฝั่งคลอง    ตั้งอยู่บริเวณใจกลางหมู่บ้านถวายที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของงาน แกะสลักที่แท้จริง มีร้านค้าหัตถกรรมอยู่บริเวณสองข้างคลองชลประทาน  มีการประดับตกแต่งพื้นที่ด้วยสถาปัตยกรรมล้านนา  มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม  ภายใต้บรรยากาศวิถีชีวิตหมู่บ้านไม้แกะสลักบ้านถวาย  จนผลิตภัณฑ์ไม้แกะสลักได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันทั้งด้านคุณค่า และคุณภาพของสินค้า เป็นจุดรวมความหลากของงานด้านศิลปหัตถกรรม มีสินค้าหลายประเภทให้เลือกชม ไม่ว่าจะเป็นงานแกะสลักเป็นรูปสัตว์  รูปเทวดา  รูปสัตว์ในป่าหิมพานต์  ตลอดจนของตกแต่งบ้านอีกมากมาย  อันได้แก่  ดอกไม้, กรอบรูป, กรอบกระจก, โคมไฟ, ที่ใส่กระดาษทิชชูแบบต่าง ๆ รวมถึงแจกันดอกไม้หลายขนาด ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์ไม้คุณภาพส่งออก และอื่น ๆ


    


คุณภาพสินค้า
เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงมากที่สุดในจังหวัด
เชียงใหม่เป็นสินค้าที่ได้รับการคัดสรรแล้ว ได้ตั้งแต่
ระดับ 3-5 ดาวเป็นสินค้าที่ได้รับรางวัลดีเด่นระดับภาคเหนือ
โดยได้รับรางวัลพร้อมโล่เกียรติยศของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
และได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน(มผช.)เลขที่45/2546

เอกลักษณ์งานศิลป์
เอกลักษณ์ของสินค้าบ้านถวายคือเป็นสินค้าที่ทำด้วยมือเป็น
ภูมิปัญญาของชาวบ้าน ซึ่งสืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน
จากรุ่นสู่รุ่น และได้รับเกียรติให้เป็นหมู่บ้าน OTOP
นำร่องแห่งแรกของประเทศไทย


เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี


เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี… ศูนย์การเรียนรู้สัตว์ป่าและธรรมชาติ



         เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นหน่วยงานของรัฐบาล ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ในตำบล แม่เหียะ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 819 ไร่ ห่างจากใจกลางเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 10 กิโลเมตร ติดกับอุทยานหลวงราชพฤกษ์ เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น.-22.00 น. มุ่งเน้นความเป็น Natural Theme Park ซึ่งจะแตกต่างจากสวนสัตว์ทั่วๆไป รวมทั้ง Safari ในแอฟริกา โดยเน้นในด้านธรรมชาติวิทยา ชีวิตสัตว์ป่าจากหลากหลายทวีปทั่วโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ป่าได้อย่างใกล้ชิด หากเปรียบกับในแอฟริกา ก็ยังหาดูพฤติกรรมของสัตว์ป่าได้ยากกว่าที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย







กิจกรรมแนะนำ (เปิดให้บริการประมาณเดือนกันยายน 2554) :


- ร้านอาหารSavanna Kitchen อิ่มอร่อยไปพร้อมกับการชมวิถีชีวิตของสัตว์ป่า
- อาณาจักรเสือ ( Tiger World) แหล่งรวมของเสือหลากหลายสายพันธุ์หายากทั่วโลก
- Children World อาณาจักรที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้หลายรูปแบบของเด็กวัย 4-5 ปี
- Digital Zoo ของเล่นล้ำยุคสร้างสรรค์จินตนาการที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง
- มุมสัตว์เผือก แห่งเดียวในประเทศไทย


Hight Light :


สิงโตขาว และเสือขาว สัตว์ป่าหายากที่เหลือเพียง 200-300 ตัว ในโลก เปิดให้ชมด้านหน้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย



เวลาเปิด : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี


เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น.-22.00 น.


บัตรเข้างาน : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี


เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี VOUCHER



(เลื่อนวันที่เข้างานเป็น)

วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2554 - วันพุธที่ 14 มีนาคม 2555


*** ต้องนำบัตรมาติดต่อ เพื่อเลือกรอบใหม่ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทั้ง 13 สาขา ภายใน 13 ธ.ค. 54 ไม่สามารถคืนบัตรได้ *** (คลิกดูจุดจำหน่ายทั้งหมด)

ซื้อบัตรได้ตั้งแต่วันนี้ - วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2554

(จำหน่ายทุกช่องทาง)


ค่าบัตรผ่านประตู
- ผู้ชมชาวไทย ผู้ใหญ่ราคา ๒๑๕ บาท เด็ก มีความสูงระหว่าง ๑๐๐ - ๑๔๐ ซม. ราคา ๙๐ บาท
- ผู้ชมต่างชาติ: ผู้ใหญ่ราคา 355 บาท เด็ก มีความสูงระหว่าง 100 - 140 ซม. ราคา 180 บาท
ผังที่นั่ง

หมายเหตุ:
- นำ Voucherใบนี้มาแลกบัตรเข้าชมที่ตู้จำหน่ายบัตร บริเวณทางเข้าเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ก่อน 21.30
- บัตรนี้ไม่รับเปลี่ยนคืน และ สามารถเข้าชมได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
- ในกรณีบัตรฯสูญหาย ทางบริษัท ไทยทิคเก็จ จำกัด จะไม่ทำการออกบัตรฯให้ใหม่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
www.chiangmainightsafari.com
โทร. 053-999050



งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์


ชื่องาน
งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554
The International Horticultural Exposition: Royal Flora Ratchaphruek 2011
วันที่จัดงาน
ระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 – 15 กุมภาพันธ์ 2555
สถานที่จัดงาน
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ความเป็นมา
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทยเห็นชอบในการเสนอขอเป็น เจ้าภาพจัดงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ระดับA2/B1 ต่อสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (International Asssociation of Horticultural Producers:AIPH) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ได้เสนอโครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ต่อคณธรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2551 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระ เกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 (The International Horticultural Exposition: Royal Flora Ratchaphruek 2011) ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชืยงใหม่ พื้นที่รวมประมาณ 470 ไร่ มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 – 15 กุมภาพันธ์ 2555


วัตถุประสงค์
การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในปีมหามงคล 3 วโรกาสมหามงคลของปวงชนชาวไทย คือ
- เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554
- สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในมหามงคลสมัยที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555
- สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา 28 กรกฎาคม 2555


รายละเอียดเกี่ยวกับงาน
การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงศักยภาพให้นานาประเทศได้ทราบถึงความสามารถของคนไทยด้านการเกษตร รวมถึงเป็นการเผยแพร่ความรู้และเทคโนโลยีด้านพืชสวนให้แก่เกษตรกร นักวิชาการ เยาวชน และประชาชนทั่วไป ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดวิสัยทัศน์และแนวคิดในการพัฒนาวิชาชีพพืชสวนให้ก้าวหน้า ตลอดจนเป็นการเพิ่มช่องทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและบูรณาการด้านพืชสวนระหว่างประเทศต่อไป อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ อันนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งธุรกิจด้านการนำเข้าส่งออกผลิตผลการเกษตรธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และธุรกิจบริการด้านต่างๆ
ชื่อ และความหมายของสัญลักษณ์นำโชค
น้องคูน – เติบโต สดใส ร่าเริง เปี่ยมไปด้วยพลัง กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก เป็นตัวแทนของนักอนุรักษ์รุ่นใหม่ คือ New Generation ที่มีมุมมองที่ดีในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รักเกษตรกรรม รักโลก รักษ์สิ่งแวดล้อม
ลมบิน – ขยัน ว่องไว ขี้เล่น สนุกสนาน พัดพาความสุขให้ทุกคน หมุนใบพัดเพื่อสร้างพลังงานกล และไฟฟ้า
ดินฉ่ำ – แข็งแรง ใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มอบแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ และเป็นที่พึ่งพาอาศัยของทุกคน
น้ำใส – อ่อนโยน ใจเย็น โอบอ้อมอารี สร้างความสดชื่น และอุดมสมบูรณ์ เป็นคู่หูกับ “ดินฉ่ำ” รับหน้าที่ทำให้พืชพรรณเจริญงอกงาม
ไออุ่น – มีเสน่ห์ร้อนแรง แต่อบอุ่น มีความเป็นผู้นำ ดูแลทุกคนอย่างตรงต่อเวลาสม่ำเสมอ นำพลังงานแสงอาทิตย์มาให้ทุกวัน





ซื้อ/จองบัตรเข้าชมงานพืชสวนโลก
บัตรเข้าชมงานล่วงหน้า
จำหน่ายล่่วงหน้า 8 สิงหาคม – 8 พฤศจิกายน 54
- บัตรประเภทเข้าชมงานครั้งเดียว ผู้ใหญ่ คนละ 100 บาท เด็ก/นักศึกษา/ผู้สูงอายุ/ผู้พิการ คนละ 50 บาท
- บัตรประเภทเข้าชมงานไม่จำกัดจำนวนครั้ง ผู้ใหญ่ คนละ 400 บาท เด็ก/นักศึกษา/ผู้สูงอายุ/ผู้พิการ คนละ 200 บาท
- บัตรประเภทหมู่คณะ 15-50 คน ผู้ใหญ่ คนละ 70 บาท เด็ก/นักศึกษา/ผู้สูงอายุ/ผู้พิการ คนละ 30 บาท
เงื่อนไขการจำหน่ายบัตร
1 บัตรจองล่วงหน้านั้น ผู้ซื้อจะได้รับบัตรจากจุดจําหน่ายทันที และในกรณีของบัตรประเภทกลุ่มบุคคล จะต้องเข้างานบริเวณทางเข้าที่ระบุว่า “ทางเข้าของหมู่คณะ”
2 ผู้ที่ประสงค์จะเปลี่ยนวันเข้าชมของบัตรจองล่วงหน้าจะต้องแสดงรายการต่อไปนี้ต่อเจ้าหน้าที่ประจํา จุดจําหน่ายบัตร
2.1 เลขที่การซื้อบัตรที่ออกให้เมื่อมีการซื้อบัตรลว่ งหน้า
2.2 บัตรจองล่วงหน้าไม่สามารถใช้ร่วมกับบัตรกํานัล โปรโมชั่น หรือ ข้อเสนอพิเศษใดๆได้
เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้เข้าชมงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 เปิดรับผู้เข้าชมงานเพียงวันละ 25,000 คนเท่านั้น โดยบัตรทุกใบจะออกโดยการระบุวันเข้าชม
1. จำหน่ายผ่าน ธนาคารกรุงไทย กว่า 1,000 สาขา ทั่วประเทศ เริ่มจำหน่ายวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554 สอบถามการซื้อบัตรได้ที่ KTB Call Center 1551 หรือรายละเอียดการซื้อบัตรทาง www.ktb.co.th 2. จำหน่ายผ่าน บริษัท ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จำกัด กว่า 500 สาขา ทั่วประเทศ เริ่มจำหน่ายวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554 สอบถามการซื้อบัตรได้ที่ Call Center 02 262 3456 หรือรายละเอียดการซื้อบัตรทาง www.thaiticketmajor.com
2. บัตรเข้าชมงานประเภทไม่จำกัดจำนวนครั้งจะต้องระบุชื่อผู้ซื้อบนบัตร
3. บัตรเข้าชมงานประเภทหมู่คณะ จะออกบัตรเพียง 1 ใบต่อคณะเท่านั้น
บัตรจำหน่ายหน้างาน
จำหน่ายหน้างาน (99 วัน) 9 พ.ย. 54 – 15 ก.พ. 55
- บัตรประเภทเข้าชมงานครั้งเดียว ผู้ใหญ่ คนละ 200 บาท เด็ก / นักศึกษา / ผู้สูงอายุ / ผู้พิการ คนละ 100 บาท
- บัตรประเภทเข้าชมงานไม่จำกัดจำนวนครั้ง ผู้ใหญ่ คนละ 800 บาท เด็ก / นักศึกษา / ผู้สูงอายุ / ผู้พิการ คนละ 400 บาท
- บัตรประเภทหมู่คณะ 15-50 คน ผู้ใหญ่ คนละ 150 บาท เด็ก / นักศึกษา / ผู้สูงอายุ / ผู้พิการ คนละ 70 บาท
* เด็กต้องมีความสูงไม่เกิน 100 ซ.ม.
* ผู้สูงอายุต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป
เงื่อนไขการจำหน่ายบัตร
1 บัตรเข้าชมงานประเภทครั้งเดียว หนึ่งใบที่ซื้อ จะให้สิทธิบุคคลหนึ่งคน ในการเข้าไปในงานเพียงครั้ง เดียว เมื่อใดที่ผู้เข้าชมออกจากงานไปแล้ว จะต้องซื้อบัตรใบใหมใ่ นการเข้างานอีกครั้งหนึ่ง
2 บุคคลทุกคนที่เข้าไปในงานจะต้องพกบัตรไว้ตลอดเวลา ซึ่งสามารถแสดงบัตรให้ตรวจเมื่อเจ้าหน้าที่ เรียกตรวจ ในกรณีที่ไม่สามารถแสดงบัตรเมื่อได้รับการร้องขออาจเป็นผลให้ต้องออกจากงาน
3 บัตรสําหรับหมู่คณะตงั้ แต่ 15 คนขึ้นไปจะเป็นราคาที่ต่างกับประเภทครั้งเดียว
4 ในกรณีที่ราคาบัตรมีความแตกต่างกันตามอายุ หลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไปนี้จะนํามาใช้ปฏิบัติ
4.1 บุคคลอายุ 15 ปีขึ้นไป ให้ถือว่าเป็นผู้ใหญ่
4.2 บุคคลประเภท เด็ก นักเรียน นิสิต นักศึกษา ผู้สูงอายุ และผู้พิการ จะสามารถซื้อบัตรได้ในราคาพิเศษ สำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา จะต้องอายุไม่เกิน 25 ปี และแสดงบัตรประจำตัวนักศึกษาก่อนเข้างาน
4.3 สำหรับเด็กที่มีความสูงต่ำกว่า 100 เซนติเมตร จะไม่มีการคิดค่าเข้าชม
4.4 ผู้พิการ คือ ผู้พิการทางการมองเห็น, พิการทางการได้ยินและการสื่อสารความหมาย ,พิการทางกายและการเคลื่อนไหว, พิการทางจิตใจและพฤติกรรม และพิการทางสติปัญญาและการเรียนรู้ ซึ่งต้องแสดงบัตรคนพิการก่อนเข้างาน หากมิได้นำบัตรมาจะอยู่ในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ GA
4.5 ในกรณีบัตรประเภทไม่จำกัดจำนวนครั้ง ต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนทุกครั้งก่อนเข้างาน






อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เชียงใหม่




มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ อำเภอแม่ริม อำเภอหางดง และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขาที่สูงสลับซับซ้อน ที่สำคัญได้แก่ ดอยสุเทพ ดอยบวกห้า และดอยปุย เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธาร มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสำคัญทางศาสนา และทางประวัติศาสตร์ มีเนื้อที่ ประมาณ 262.50 ตารางกม. หรือ 163,162.50 ไร่
        การเดินทางไปยังที่ทำการอุทยานฯ จากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 5 กม. ตามถนนห้วยแก้ว-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-สวนสัตว์ เชียงใหม่ ถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพวรวิหาร จากนั้นเดินทางต่อไปอีกเล็กน้อย ถึงทางแยกขวามือ มีป้ายบอกทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย
ในพื้นที่อุทยานฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ
 วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ
เดินทางตามถนนห้วยแก้วผ่านอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ไปตามทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ระหว่างทางจะมองเห็น ตัวเมืองเชียงใหม่อยู่เบื้องล่าง ระยะทางจากเชิงดอยประมาณ 11 กม. เมื่อขึ้นมาถึงจะมองเห็นบันไดทอดยาวขึ้นไปสู่วัด และมีนาค 2 ตัว อยู่สองข้างบันไดซึ่งสูง 300 กว่าขั้น วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้ เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวซึ่ง เดินทางไปเชียงใหม่ จะต้องขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุกันทุกคน ถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้ ประดิษฐานอยู่บนดอยสุเทพ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,051 ฟุตและและเป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่เมืองเชียงใหม่ จะมีงานประเพณี ีสรงน้ำพระบรมธาตุในวันเพ็ญวิสาขบูชาทุกปี
 สถานที่ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว
  พระธาตุ ดอยสุเทพ  
ท่องเที่ยว

-----------------------------------------------
หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย  ดอยปุย  ภาพเคลื่อนไหว น้ำตกดอยปุย
หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งนี้ ตั้งอยู่บนดอยปุย ห่างจากพระตำหนักฯ 3 กม. เป็นทางลาดยางตลอด หมู่บ้านม้งดอยปุยนี้ เป็นหมู่บ้านที่น่าสนใจยิ่ง นอกจากเราจะเห็นสภาพ ความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ แล้ว บริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างยิ่ง และยังสามารถมองเห็น ดอยอินทนนท์เบื้องหน้า ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย หมู่บ้านม้งดอยปุยเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้สะดวก ทั้งนี้เพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง โดยใช้เวลาในการเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 1 ชม.เท่านั้น ฉะนั้นจึงมีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศนิยมเดินทางไปชมกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งภายในหมู่บ้านยังมี ร้านขายของที่ระลึก ซึ่งผลิตภายในหมู่บ้าน และนำมาจากที่อื่นวางขายให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย
 สถานที่ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว
  เด็กม้ง  
ท่องเที่ยว
-----------------------------------------
น้ำตกห้วยแก้ว
เป็นน้ำตกเล็ก ๆ สูงประมาณ 10 ม. อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 6 กม. น้ำตกห้วยแก้วมีน้ำไหลตลอดปี รอบ ๆ บริเวณก็สวยงามด้วยทิวทัศน์และร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ นอกจากนั้นยังมีที่พักผ่อน นำอาหารไปนั่งรับประทานกันที่ ผาเงิบและวังบัวบาน อันเป็นสุสานแห่งความรัก ของสาวบัวบานผู้ถือรักเป็นสรณะ

-----------------------------------------
 
น้ำตกมณฑาธาร
หรือน้ำตกสันป่ายาง เป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในเขตอุทยานฯ มีทั้งหมด 3 ชั้น ไหลลดหลั่นจากหน้าผาเป็นชั้นๆ อยู่ห่างจากน้ำตกห้วยแก้วประมาณ 3 กม.
น้ำตกมณฑาธาร
 สถานที่ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว
   
ท่องเที่ยว

-----------------------------------------
 
อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
นักบุญแห่งลานนาไทย ซึ่งเป็นบุคคลแรกที่บุกเบิกสร้างถนนขึ้นไปถึงดอยสุเทพ   อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยตั้งอยู่บนทางขึ้นดอยสุเทพ ก่อนถึงน้ำตกห้วยแก้ว ฉะนั้น ผู้ที่จะขึ้นไปนมัสการดอยสุเทพ มักจะลงนมัสการอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้ริเริ่มชักชวน ให้ประชาชนชาวเหนือร่วมแรงร่วมใจกันสร้างถนน จากเชิงดอย ขึ้นไปสู่วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ โดยเริ่ม ลงมือเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 และแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2478 รวมระยะทางจากเชิงดอยไปถึง วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ 10 กม.
 สถานที่ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว
  ครูบาศรีวิชัย  
ท่องเที่ยว

-----------------------------------------
 
พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
จากดอยสุเทพไปยังตำหนักภูพิงค์ฯ ระยะทางประมาณ 4  กม. เป็นพระตำหนักประทับแปรพระราชฐาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ   พระบรมราชินีนาถ   สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่บนดอยบวกห้าโดยปกติแล้วจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมเฉพาะ วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการ ทั้งนี้จะต้องเป็นช่วงเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มิได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ